5 เคล็ดลับที่ควรรู้ก่อนกู้ร่วมซื้อบ้าน
“กู้ร่วมซื้อบ้าน” ไม่ใช่แค่การรวมรายได้เพื่อให้ได้วงเงินมากขึ้น แต่ยังเป็นการวางแผนร่วมกันทั้งเรื่องการเงิน เป้าหมาย และอนาคต การเตรียมตัวอย่างรอบคอบตั้งแต่ต้นจะช่วยให้กระบวนการอนุมัติเป็นเรื่องง่ายและรวดเร็ว วันนี้ Welcome Home Club by CP LAND จะพาทุกท่านมาทราบถึง 5 เคล็ดลับสำคัญที่ท่านควรรู้สำหรับการกู้ร่วมมีอะไรบ้าง
รวมเคล็ดลับที่ควรรู้ก่อนกู้ร่วมเพื่อซื้อบ้าน
1. กู้ร่วมดีอย่างไร
การกู้ร่วมไม่ได้มีดีแค่เพิ่มวงเงิน แต่ยังช่วยลดความกดดันด้านการเงินในระยะยาว
ขออนุมัติสินเชื่อได้ง่ายขึ้น
เมื่อมีรายได้รวมจากผู้กู้มากกว่าหนึ่งคน ธนาคารจะมองว่าผู้กู้มีศัก ยภาพทางการเงินสูงขึ้น และสามารถชำระหนี้ได้อย่างมั่นคง จึงเพิ่มความมั่นใจในการพิจารณาอนุมัติ ทำให้ขั้นตอนการยื่นกู้ราบรื่นและมีโอกาสผ่านมากกว่าการกู้เพียงคนเดียว
เพิ่มโอกาสได้รับวงเงินกู้ที่สูงขึ้น
การกู้ร่วมช่วยให้ธนาคารสามารถอนุมัติวงเงินได้มากขึ้น เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่ต้องการซื้อบ้านหรือคอนโดในทำเลดีที่มีราคาสูงเกินกำลังของผู้กู้เพียงคนเดียว วงเงินที่มากขึ้นหมายถึงโอกาสเลือกบ้านที่ตอบโจทย์ทั้งคุณภาพ ทำเล และความต้องการของผู้อยู่อาศัย
ไม่ต้องแบกภาระหนี้คนเดียว
เมื่อมีผู้กู้ร่วม การผ่อนชำระจะถูกแบ่งกันตามสัดส่วน ทำให้ยอดผ่อนรายเดือนลดลงอย่างเห็นได้ชัด ช่วยให้การบริหารค่าใช้จ่ายประจำเดือนง่ายขึ้น และยังเหลือสภาพคล่องทางการเงินสำหรับการใช้จ่ายในด้านอื่นหรือการออมเพื่ออนาคต
2. สร้างพื้นฐานการเงินให้แข็งแกร่งไปด้วยกัน
ตรวจเครดิตบูโร
ก่อนก้าวเข้าสู่ขั้นตอนการยื่นกู้ร่วม สิ่งแรกที่ไม่ควรมองข้ามคือ การตรวจสอบ “เครดิตบูโร” ของทั้งคู่ เพราะเป็นข้อมูลสำคัญที่ธนาคารใช้พิจารณาศักยภาพทางการเงินของผู้กู้ หากพบปัญหาประวัติทางการเงิน เช่น การค้างชำระหรือการชำระล่าช้า ควรรีบดำเนินการแก้ไขให้เรียบร้อยล่วงหน้าอย่างน้อย 6–12 เดือน เพื่อสร้างภาพลักษณ์ทางการเงินที่ดีและเพิ่มความมั่นใจให้กับสถาบันการเงิน
ตรวจสุขภาพการเงินร่วมกัน
การกู้ร่วมไม่ใช่เพียงการรวมรายได้ แต่เป็นการรวมความรับผิดชอบทางการเงินด้วย ดังนั้น ก่อนยื่นกู้ควรเปิดใจพูดคุยกันอย่างตรงไปตรงมาเกี่ยวกับรายได้ ภาระหนี้ที่มีอยู่ และความสามารถในการผ่อนชำระของแต่ละฝ่าย การตรวจสอบ “สุขภาพการเงิน” ร่วมกันเช่นนี้ จะช่วยให้วางแผนการเงินได้อย่างรอบคอบ กำหนดวงเงินกู้ที่เหมาะสม และลดโอกาสเกิดปัญหาทางการเงินในอนาคต
การเตรียมความพร้อมทางการเงินร่วมกันไม่เพียงเพิ่มโอกาสอนุมัติ แต่ยังช่วยให้การผ่อนในอนาคตเป็นไปอย่างราบรื่น
3. วางเป้าหมายและเลือกบ้านในฝันให้เหมาะสม
กำหนดงบประมาณที่เป็นจริง
ก่อนตัดสินใจ ควรคำนวณให้ชัดเจนว่าภาระผ่อนต่อเดือนรวมกันแล้วไม่ควรเกิน 40% ของรายได้รวมทั้งหมด เพื่อให้ยังมีสภาพคล่องสำหรับค่าใช้จ่ายอื่น เช่น ค่าครองชีพ ประกัน หรือเงินออม การยึดหลักนี้จะช่วยให้การผ่อนบ้านเป็นเรื่องสบาย ไม่กดดันชีวิตประจำวันเกินไป
บ้านต้องเหมาะกับความต้องการ
นอกจากราคาแล้ว ควรพิจารณาทำเลที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของทั้งคู่ เช่น ความสะดวกในการเดินทาง ความปลอดภัย สิ่งอำนวยความสะดวกในพื้นที่ และควรเลือกทรัพย์ในทำเลที่อยู่ในเกณฑ์ที่ธนาคารสนับสนุนการปล่อยสินเชื่อ เพื่อให้กระบวนการอนุมัติราบรื่นยิ่งขึ้น
การวางแผนอย่างรอบคอบตั้งแต่เลือกบ้าน จะช่วยป้องกันปัญหาผ่อนเกินกำลังในอนาคต
4. เพิ่มโอกาสผ่านง่ายด้วยเคล็ดลับพิเศษ
เพิ่มเงินดาวน์
ยิ่งมีเงินดาวน์สูงเท่าไร ภาระเงินกู้ก็จะยิ่งน้อยลง ส่งผลให้ค่างวดผ่อนต่อเดือนลดลง และช่วยเพิ่มความมั่นใจให้ธนาคารว่า ผู้กู้มีความพร้อมทางการเงินและมีความตั้งใจที่จะผ่อนบ้านอย่างจริงจัง
ลดภาระหนี้เก่า
ก่อนยื่นกู้ ควรเคลียร์หนี้สินที่ไม่จำเป็น เช่น บัตรเครดิตที่ใช้เกินความจำเป็น หรือสินเชื่อส่วนบุคคลบางส่วน เพื่อลดสัดส่วนหนี้ต่อรายได้ (Debt Service Ratio: DSR) ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ธนาคารใช้พิจารณาอนุมัติ หาก DSR ต่ำ โอกาสผ่านก็สูงตาม
หาผู้กู้ร่วมสำรอง
หากผู้กู้หลักหรือผู้กู้ร่วมคนใดมีคะแนนเครดิตต่ำหรือประวัติการเงินไม่สวย อาจพิจารณาเพิ่ม “ผู้กู้ร่วมสำรอง” ที่มีฐานะการเงินมั่นคงและเครดิตดีเข้ามาช่วยเสริมความน่าเชื่อถือ วิธีนี้จะช่วยเพิ่มน้ำหนักให้การพิจารณาของธนาคารและเพิ่มโอกาสในการได้รับอนุมัติวงเงินตามที่ต้องการ
5. ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญช่วยแก้ปัญหา
หากไม่แน่ใจว่าจะเริ่มต้นอย่างไร หรือมีปัญหาทางการเงินที่ซับซ้อน การขอคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญจะช่วยได้มาก
ที่ปรึกษาสินเชื่อ คือ ผู้ให้คำแนะนำและช่วยวางแผนด้านการขอสินเชื่อกับลูกค้า เพื่อให้การยื่นกู้เป็นไปอย่างราบรื่นและมีโอกาสอนุมัติสูงขึ้น โดยจะทำหน้าที่เป็น “ตัวกลาง” ระหว่างผู้กู้กับธนาคารหรือสถาบันการเงิน
วิเคราะห์ความพร้อมทางการเงิน
เริ่มจากการตรวจสอบรายได้ ภาระหนี้สิน คะแนนเครดิตบูโร และสัดส่วนหนี้ต่อรายได้ (Debt Service Ratio: DSR) เพื่อประเมินว่าคุณมีความพร้อมเพียงใดสำหรับการยื่นกู้ การรู้จุดแข็งและจุดอ่อนทางการเงินล่วงหน้าช่วยให้สามารถปรับปรุงได้ทันก่อนยื่นขอสินเชื่อ
คัดเลือกสินเชื่อบ้านที่เหมาะสม
ที่ปรึกษาจะช่วยเปรียบเทียบอัตราดอกเบี้ย เงื่อนไข และสิทธิประโยชน์จากหลายธนาคาร เพื่อคัดเลือกตัวเลือกที่เหมาะกับสถานการณ์การเงินและเป้าหมายของคุณมากที่สุด ไม่ใช่แค่ถูกที่สุด แต่ต้องตอบโจทย์ในระยะยาวด้วย
ช่วยเตรียมเอกสารให้ครบถ้วน
เอกสารที่ไม่ครบหรือมีข้อผิดพลาดเล็กน้อยอาจทำให้ธนาคารปฏิเสธได้ การมีผู้เชี่ยวชาญช่วยตรวจสอบและจัดเตรียมเอกสารจะช่วยลดความเสี่ยง และทำให้กระบวนการอนุมัติรวดเร็วขึ้น
ให้คำแนะนำเพิ่มโอกาสอนุมัติ
เช่น การปรับโครงสร้างหนี้เพื่อลดภาระรายเดือน การเพิ่มเงินดาวน์เพื่อลดวงเงินกู้ หรือการปรับสัดส่วนผู้กู้ร่วมให้เหมาะสม ทั้งหมดนี้เป็นเทคนิคที่ช่วยให้ธนาคารมั่นใจในศักยภาพของผู้กู้มากขึ้น
ประสานงานและติดตามผล
ตั้งแต่การยื่นกู้จนถึงการเซ็นสัญญา ที่ปรึกษาจะทำหน้าที่เป็นตัวกลางประสานงานกับธนาคาร คอยติดตามสถานะและแก้ไขปัญหาทันทีเมื่อเกิดข้อขัดข้อง เพื่อให้การซื้อบ้านของคุณเป็นไปอย่างราบรื่น
การซื้อบ้านคือการลงทุนครั้งใหญ่ในชีวิต และกระบวนการยื่นสินเชื่อบ้านก็ไม่ควรเป็นอุปสรรคที่ทำให้ความฝันต้องสะดุด การมีที่ปรึกษาสินเชื่อบ้าน คอยดูแลตั้งแต่การวิเคราะห์ความพร้อมทางการเงิน คัดเลือกสินเชื่อที่ใช่ จัดเตรียมเอกสาร ไปจนถึงประสานงานกับธนาคาร ช่วยให้ทุกขั้นตอนเป็นไปอย่างราบรื่นและมั่นใจได้มากขึ้น เพราะในโลกของการเงิน รายละเอียดเล็กๆ อาจเป็นตัวแปรสำคัญที่ตัดสินว่าการกู้ของคุณจะ “ผ่าน” หรือ “พลาด” ฉะนั้นการมีผู้เชี่ยวชาญเคียงข้างคือทางลัดสู่การเป็นเจ้าของบ้านในฝันได้เร็วกว่าเดิม หากคุณกำลังมองหาทั้งบ้านเช่าคุณภาพ หรือมองหาบ้านในทำเลดี สามารถเริ่มค้นหาที่อยู่อาศัยที่ตรงใจได้เลยที่ Welcome Home Club by CP LAND