เมื่อเข้าสู่ช่วงหน้าฝนปัญหาที่สร้างความกังวลใจให้เจ้าของบ้านคือเรื่องหลังคารั่ว ซึ่งอาจนำไปสู่ความเสียหายใหญ่ต่อโครงสร้างและทรัพย์สินภายในบ้านได้ การรู้วิธีตรวจสอบเบื้องต้นจึงเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อให้เราสามารถรับมือกับปัญหานี้ได้ทันท่วงที ก่อนจะไปดูวิธีรับมือ เรามาเริ่มจากการตรวจสอบรอยรั่วกันก่อน
วิธีเช็กหลังคารั่วจากฝนตก
การตรวจหาจุดที่เกิดปัญหาหลังคารั่วตั้งแต่เนิ่น ๆ จะช่วยลดความเสียหายที่อาจบานปลายได้ เราสามารถสังเกตสัญญาณเตือนต่าง ๆ ได้ด้วยตนเอง โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่ฝนตกหรือหลังจากฝนหยุดตกใหม่ ๆ ซึ่งเป็นช่วงที่เห็นร่องรอยได้ชัดเจนที่สุด โดยมีจุดสังเกตดังนี้
- เช็กคราบน้ำบนฝ้าเพดานหรือผนัง เป็นสัญญาณที่บ่งบอกถึงรอยรั่วบนหลังคาได้อย่างชัดเจน คราบน้ำอาจมีสีน้ำตาล เหลือง หรือดำ ขึ้นอยู่กับระยะเวลาและความชื้นสะสม ซึ่งเป็นตัวบ่งชี้สำคัญของปัญหาหลังคารั่ว
- เช็กรอยร้าว ตรวจสอบรอยแตกร้าวบนแผ่นกระเบื้องหลังคา บริเวณรอยต่อ หรือวัสดุมุงหลังคาประเภทอื่น ๆ รอยร้าวเล็ก ๆ อาจเป็นช่องทางให้น้ำฝนสามารถแทรกซึมเข้ามาภายในบ้านได้
- เช็กน้ำหยด สังเกตการณ์น้ำหยดจากเพดานโดยตรงขณะฝนตก หรือเราสามารถจำลองสถานการณ์เพื่อหาจุดหลังคารั่วได้ ด้วยการใช้สายยางฉีดน้ำขึ้นไปบนหลังคาในบริเวณที่สงสัย แล้วสังเกตว่ามีน้ำรั่วซึมลงมาหรือไม่
- เช็กความชื้น ลองใช้มือสัมผัสผนังหรือฝ้าเพดานในจุดที่สงสัย หากรู้สึกเย็นหรือชื้นผิดปกติ อาจเป็นสัญญาณของน้ำฝนที่ค่อย ๆ ซึมเข้ามาสะสมอยู่ภายใน
- เช็กขณะฝนตกหรือหลังฝนหยุดใหม่ ๆ ช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการตรวจสอบคือขณะที่ฝนกำลังตกหรือเพิ่งหยุดตกไปไม่นาน เพราะจะทำให้เราเห็นร่องรอยการรั่วซึมและความผิดปกติได้ชัดเจนที่สุด
สาเหตุที่ทำให้เกิดปัญหาหลังคารั่ว
ปัญหาหลังคารั่วไม่ได้เกิดขึ้นโดยไม่มีที่มาที่ไป การทำความเข้าใจถึงต้นตอของปัญหาจะช่วยให้เราป้องกันและแก้ไขได้อย่างตรงจุด โดยสาเหตุหลักมักเกิดจากปัจจัยสำคัญที่เราอาจมองข้ามไป ซึ่งส่งผลให้โครงสร้างหลังคาไม่แข็งแรงและเกิดการรั่วซึมตามมา
ติดตั้งหลังคาแบบไม่ได้มาตรฐาน
การติดตั้งหลังคาที่ไม่ได้มาตรฐานเป็นสาเหตุสำคัญอันดับต้น ๆ ของปัญหาหลังคารั่ว เช่น การวางแผ่นกระเบื้องซ้อนทับกันในระยะที่ไม่เหมาะสม การติดตั้งครอบหลังคาที่ไม่พอดีกับแนวสันหลังคา หรือการคำนวณความลาดเอียงของหลังคาผิดพลาด ซึ่งทำให้น้ำฝนไม่สามารถระบายออกได้ทัน เกิดเป็นน้ำขังและไหลย้อนกลับเข้าไปตามรอยต่อจนเกิดการรั่วซึมในที่สุด การเลือกใช้ช่างที่มีความชำนาญจึงเป็นเรื่องที่ต้องให้ความสำคัญอย่างยิ่ง
ไม่บำรุงรักษา
การขาดการบำรุงรักษาหลังคาอย่างสม่ำเสมอก็เป็นอีกหนึ่งสาเหตุหลัก โดยเฉพาะการปล่อยให้มีเศษกิ่งไม้ ใบไม้ หรือสิ่งสกปรกต่าง ๆ ไปกองสะสมอยู่บนหลังคาและรางน้ำฝนเป็นเวลานาน สิ่งเหล่านี้จะขวางทางระบายน้ำ ทำให้น้ำฝนเกิดการขังและสะสมความชื้นไว้บนผิววัสดุเป็นเวลานาน ส่งผลให้วัสดุเสื่อมสภาพเร็วกว่าปกติ และเกิดการรั่วซึมตามจุดที่น้ำขังอยู่ได้
วัสดุเสื่อมสภาพ
วัสดุมุงหลังคาทุกชนิดมีอายุการใช้งานที่จำกัด เมื่อเวลาผ่านไปวัสดุเหล่านี้ต้องเผชิญกับแสงแดดและพายุฝนอยู่ตลอดเวลา ทำให้เกิดการเสื่อมสภาพตามธรรมชาติ เช่น แผ่นกระเบื้องเกิดรอยร้าว เปราะแตก ซีลยางบริเวณหัวสกรูแห้งกรอบ หรือแผ่นกันซึมหมดอายุการใช้งาน การเสื่อมสภาพเหล่านี้ล้วนเป็นช่องโหว่ที่ทำให้น้ำฝนสามารถรั่วซึมเข้ามาสร้างความเสียหายให้กับตัวบ้านได้ การตรวจสอบสภาพวัสดุเป็นประจำจึงเป็นเรื่องจำเป็น
วิธีรับมือหลังคารั่วจากฝนตก
เมื่อเราพบสาเหตุของปัญหาหลังคารั่วแล้ว ขั้นตอนต่อไปคือการลงมือแก้ไขเพื่อหยุดความเสียหายไม่ให้ลุกลาม การเลือกวิธีรับมือที่เหมาะสมกับลักษณะของรอยรั่วเป็นสิ่งสำคัญ โดยมีแนวทางการซ่อมแซมเบื้องต้นที่สามารถจัดการได้ตามความหนักเบาของปัญหา
เปลี่ยนกระเบื้องหลังคา
หากตรวจสอบพบว่าสาเหตุของหลังคารั่วเกิดจากกระเบื้องหลังคาบางแผ่นแตกร้าวหรือบิ่นอย่างชัดเจน วิธีการแก้ไขที่ตรงจุดที่สุดคือการเปลี่ยนแผ่นกระเบื้องที่ชำรุดนั้นออก แล้วนำแผ่นใหม่เข้าไปติดตั้งแทนที่ โดยต้องแน่ใจว่าการติดตั้งแผ่นใหม่นั้นเข้าที่และมีระยะซ้อนทับกับแผ่นอื่น ๆ อย่างถูกต้องตามมาตรฐาน เพื่อป้องกันไม่ให้น้ำสามารถแทรกซึมเข้ามาจากจุดเดิมได้อีก ถือเป็นวิธีแก้ปัญหาที่ต้นเหตุโดยตรง
ใช้ซีลอุดรอยรั่วรอบหัวสกรู
สำหรับหลังคาเมทัลชีทหรือหลังคาที่ใช้สกรูในการยึดแผ่นกระเบื้อง จุดที่มักเกิดการรั่วซึมคือบริเวณหัวสกรู เนื่องจากซีลยางเสื่อมสภาพจากความร้อนและฝน การแก้ไขทำได้โดยการทำความสะอาดบริเวณหัวสกรูให้แห้งและปราศจากฝุ่น จากนั้นใช้วัสดุอุดรอยรั่วจำพวกซิลิโคนกันซึมหรืออะคริลิกกันซึมทาเคลือบทับลงไปบนหัวสกรูให้ทั่ว เพื่อปิดช่องว่างและป้องกันไม่ให้น้ำซึมผ่านจุดดังกล่าวได้
ทาปูนซีเมนต์กันซึม
ในกรณีที่ปัญหารั่วซึมเกิดจากรอยแตกร้าวเล็ก ๆ บนพื้นผิวหลังคาคอนกรีต หรือบริเวณรอยต่อของครอบสันหลังคา การใช้ปูนซีเมนต์กันซึมหรือที่เรียกว่า “ซีเมนต์ซ่อมแซมอเนกประสงค์” เป็นทางเลือกที่ดี หลังจากทำความสะอาดพื้นผิวให้เรียบร้อยแล้ว ให้ผสมปูนตามอัตราส่วนแล้วนำไปฉาบหรือทาปิดทับบริเวณรอยร้าว ปูนชนิดนี้จะช่วยผสานรอยแตกและสร้างชั้นกันน้ำขึ้นมาใหม่เพื่อหยุดการรั่วซึม
ติดตั้งแผ่นเมทัลชีท
ในบางกรณีที่เกิดปัญหารั่วซึมบริเวณรอยต่อระหว่างหลังคากับผนัง หรือบริเวณรางน้ำที่ซ่อนอยู่ใต้กระเบื้อง ซึ่งยากต่อการซ่อมแซมเฉพาะจุด การติดตั้งแผ่นปิดรอยต่อ หรือแฟลชชิ่ง (Flashing) ที่ทำจากเมทัลชีท สามารถช่วยแก้ปัญหาได้ โดยจะติดตั้งเข้าไปใต้แผ่นกระเบื้องและพาดคลุมแนวรอยต่อที่เป็นปัญหา เพื่อเป็นเกราะป้องกันอีกชั้นหนึ่ง ช่วยเบี่ยงทางน้ำไม่ให้ไหลเข้าสู่รอยต่อหรือรอยแตกได้โดยตรง
ฉีดโฟมใต้หลังคา
สำหรับปัญหารอยรั่วที่เกิดขึ้นในบริเวณที่เข้าถึงได้ยาก หรือมีรอยรั่วซึมกระจายตัวเป็นบริเวณกว้าง การฉีดพียูโฟม (PU Foam) ใต้แผ่นหลังคาเป็นอีกหนึ่งวิธีที่น่าสนใจ โฟมชนิดนี้จะขยายตัวเข้าไปอุดตามช่องว่าง รอยร้าว หรือรูรั่วต่าง ๆ ได้อย่างทั่วถึง เมื่อโฟมแข็งตัวจะทำหน้าที่เป็นฉนวนกันน้ำและกันความร้อนไปในตัว ช่วยแก้ปัญหาหลังคารั่วจากภายในได้อย่างดี
ปัญหาหลังคารั่วเป็นเรื่องใกล้ตัวที่สามารถสร้างความเสียหายให้กับบ้านได้มากกว่าที่คิด การหมั่นตรวจสอบและสังเกตความผิดปกติอย่างสม่ำเสมอจะช่วยให้เรารับมือกับปัญหาได้ทันท่วงที การเลือกวิธีซ่อมแซมที่ถูกต้องตามสาเหตุจะช่วยยืดอายุการใช้งานของหลังคาและปกป้องบ้านของเราให้ปลอดภัยจากหน้าฝนได้ในระยะยาว สำหรับผู้ที่สนใจโครงการบ้านคุณภาพที่ใส่ใจในทุกรายละเอียดของการอยู่อาศัย สามารถเข้าไปเยี่ยมชมโครงการโซลวานี รามอินทราและโครงการบ้านเดี่ยวมีนบุรี จาก CP LAND ได้เลย